สมบัติล้ำค่า

สมบัติล้ำค่า

แต่ก่อนนานมาแล้ว ยังมีชายชราคนหนึ่ง แก่มากจนจำอายุตนเองไม่ได้ หากใบหน้าของเขายังคงอิ่มเอิบเปล่งประกายเลือดฝาด เคราสีเงินยวงสะอาดตาของเขายาวปกคลุมมาถึงหน้าอก
 

          ร่างกายของเขาแข็งแรงมาก ตายังไม่ฝ้าฟาง หูก็ยังไม่หนวก เขามีลูกหลานเต็มบ้านเต็มเมือง แต่เขาก็ยังเป็นคนจัดการทุกสิ่งทุกอย่างภายในครอบครัว
 

          ปีนี้ เขาตัดสินใจว่าจะเลือกใครคนหนึ่งจากลูกชาย ๑๕ คนของเขา มาสืบทอดภารกิจนี้เสียที แต่ว่าจะเลือกใครดีล่ะ
เมื่อชายชราคิดวิธีที่ดีที่สุดได้ จึงสั่งให้ลูกชายทั้ง ๑๕ คนมาพบ

 

         แล้วแจกเมล็ดดอกไม้ให้ลูก ๆ คนละ ๑ เมล็ด พร้อมทั้งบอกว่า ใครสามารถปลูกเมล็ดพืชนี้ให้งอกงามจนออกดอกบานสะพรั่งได้ คนนั้นก็จะได้เป็นผู้สืบทอดมรดกต่อไป

 

         เมื่อลูก ๆ ได้เมล็ดพืชมาแล้ว ต่างนำไปปลูกและดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี ลูกชายคนเล็กของชายชราผู้นี้มีชื่อว่า เสี่ยวเหลียงจือ เมื่อได้เมล็ดดอกไม้แล้ว เขาก็นำไปปลูกในกระถาง รดน้ำเอาใจใส่อย่างดีทุกวันทุกคืน แต่เมล็ดพืชนั้นก็ไม่แตกกล้าสักที
 

         เสียวเหลียงจือรู้สึกเศร้าโศกเสียใจมาก  เวลาผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว ฤดูร้อนย่างกรายมาถึงแล้ว ชายชราผู้เป็นพ่อกำหนดว่า วันนี้จะเป็นวันคัดเลือกดอกไม้ของลูก ๆ ลูกทุกคนต่างอุ้มกระถางดอกไม้ที่ออกดอกบานสะพรั่งอย่างสวยสดงดงามมาให้ผู้เป็นพ่อชม เพื่อรอการคัดเลือก
 

         ชายชราเดินตรวจดอกไม้ที่สวยงามในมือของลูกๆ ด้วยสีหน้าที่ไม่มีแววยินดีแม้แต่น้อย เขาเดินตรวจจากบุตรชายคนโต มาจนถึงบุตรชายคนที่ ๑๔ โดยมิได้หยุดเลย เมื่อเดินมาถึงเสี่ยวเหลียงจือ บุตรชายคนสุดท้อง ซึ่งยืนถือกระถางเปล่า ที่ไม่มีทั้งต้นไม้และดอกไม้ ชายชราจึงหยุดกึกอยู่ตรงนั้น
 

         เสี่ยวเหลียงจือน้ำตาไหลพราก กล่าวกับบิดาอย่างสำนึกผิดว่า "พ่อครับ ผมไม่มีดอกไม้จะมอบให้พ่อ..."
ชายชรากลับแย้มยิ้มและพูดอย่างยินดีปรีดาว่า "ลูกเอ๋ย สิ่งที่เจ้ามอบให้พ่อนั้นมีค่ายิ่งกว่าดอกไม้มากมายนัก"
"อะไรหรือครับ"
"ความซื่อสัตย์ไงล่ะ"

 

         เรื่องราวเป็นอย่างไรกันแน่... ชายชราจึงเปิดเผยความลับต่อลูกๆ ว่า ที่แท้เมล็ดพืชที่ตนแจกแก่ลูกๆ นั้น เป็นเมล็ดพืชที่นำไปคั่วจนสุกแล้ว ดังนั้น ต้นไม้ที่ผลิดอกสวยงามเหล่านั้นล้วนมาจากเมล็ดพืชจากที่อื่น ไม่ใช่เมล็ดพืชที่ผู้เป็นพ่อแจกให้
 

          ดอกไม้พวกนี้จึงเป็นสักขีพยานยืนยันความไม่ซื่อตรงของพวกเขา สุดท้ายชายชราจึงกล่าวอบรมลูก ๆ ว่า "ขอให้ลูกๆจงเป็นคนซื่อตรงเถิด ความซื่อตรงเป็นสมบัติอันล้ำค่าของคนเรา" ชายชราผู้มองการณ์ไกล มิได้มองหาลูกชายที่แข็งแรง ร่ำรวย หรือเฉลียวฉลาดเลย หากแต่มองหาลูกชายที่ซื่อสัตย์จริงใจ
 

          แม้เสียวเหลียงจือ จะมีเพียงกระถางว่างเปล่า แต่ใจของเขางดงามยิ่งกว่าดอกไม้ใดๆ เพราะเป็นใจที่เต็มเปี่ยมด้วยความซื่อสัตย์ ซึ่งเป็นคุณสมบัติอันหาได้ยากยิ่งในโลกที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งแข่งขันนี้
 

          เขาจึงเป็นผู้ที่ได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจและได้รับมอบหมายสิ่งสำคัญจากผู้เป็นบิดานี้ย่อมแสดงให้เห็นว่า ความซื่อตรง และจริงใจ เป็นสิ่งที่ทุกคนคาดหวัง อยากได้จากกันและกันมากที่สุด
 

          ในชีวิตของเรา เมื่อเราปรารถนาความซื่อตรงจริงใจจากทุกคน เราก็ควรเริ่มจากตัวของเราก่อนมอบความซื่อตรงจริงใจให้แก่กัน เพราะนี่คือสมบัติอันล้ำค่าที่เราทุกคนต่างปรารถนา และสามารถมอบให้แก่กันและกันได้ให้โลกนี้ งดงามด้วยความจริงใจ งามยิ่งกว่าดอกไม้ใดๆ ทั้งมวล

ขอบคุณบทความจาก : กัลยาณมิตร

 1208
ผู้เข้าชม
สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์