Menu
หน้าแรก
For Employee
ระเบียบการลา
สวัสดิการจากโปรซอฟท์
ประกันสังคม
การยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
ฝึกฝีมือพิมพ์ดีด
ข้อมูลองค์กร
วิสัยทัศน์และพันธกิจ
ทำเนียบผู้บริหาร
จรรณยาบรรณโปรซอฟท์
วันหยุดประจำปี
ระเบียบองค์กร
Prosoft Product
Knowledge
Office & Operation
Self & Motivation
Morning Talk
Research & Development
Marketing
Tech!
Other
Job Descriptions
Job Describtions-Programmer
Job Describtions-Marketing
Job Describtions-Implement
Job Describtions-Ccs & MA
Job Describtions-Sale
Job Describtions-Technician
Job Describtions-HR
แจ้งซ่อมอุปกรณ์
แจ้งซ่อมอุปกรณ์ (สาขาเชียงใหม่)
ร่วมงานกับเรา
Login
หน้าแรก
สาระดีดี
“ลดพุง” ลดสารพัดโรคที่คุณนึกไม่ถึง!
“ลดพุง” ลดสารพัดโรคที่คุณนึกไม่ถึง!
ย้อนกลับ
หน้าแรก
สาระดีดี
“ลดพุง” ลดสารพัดโรคที่คุณนึกไม่ถึง!
“ลดพุง” ลดสารพัดโรคที่คุณนึกไม่ถึง!
ย้อนกลับ
คนที่ลงพุงไม่จำเป็นต้องเป็นคนอ้วนเสมอไป คนผอมก็ลงพุงได้ คุณทราบหรือไม่ว่าคนที่
“ลงพุง”
มีความเสี่ยงต่อโรคมากมายที่นึกไม่ถึงว่าจะเกี่ยวกันได้ ผู้หญิงที่มีรอบเอวเกินกว่า 80 ซม. และผู้ชายเกิน 90 ซม. ถือว่า
“ลงพุง”
หรือมี
ภาวะ Metabolic Syndrome
คือภาวะที่มีไขมันสะสมในช่องท้องหรืออวัยวะในช่องท้องมากเกินควร เมื่อมีมากขึ้นหน้าท้องจะยื่นออกมาชัดเจนคือ
“ลงพุง”
นั่นเอง
สาเหตุนั้นมาจากได้รับพลังงานจากอาหารมากกว่าพลังงานที่ร่างกายใช้ออกไป ซึ่งเป็นได้ทุกเพศ ทุกวัย โดยเฉพาะคนที่ขาดการออกกำลังกาย ที่สำคัญคือ
“ไขมันในช่องท้องนี้อันตรายกว่าไขมันในส่วนอื่นๆ ของร่างกาย”
เพราะสามารถสลายเป็นกรดไขมันอิสระเข้าสู่กระแสเลือด และไปยับยั้งกระบวนการเผาผลาญกลูโคสในกล้ามเนื้อ ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น เกิดภาวะดื้อต่ออินซูลิน คนที่ลงพุงจึงเสี่ยงต่อโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง โรคหัวใจ กรดไหลย้อน เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ ตลอดจนเสี่ยงต่อโรคมะเร็งบางชนิด ฯลฯ
ดังนั้นใครที่วัดพุงได้มากกว่าขนาดดังกล่าว คงถึงเวลาแล้วที่จะต้องเริ่มออกกำลังกายเพื่อ
“ลดพุง ลดโรค”
กรมอนามัยแนะนำว่าการออกกำลังเผาผลาญพลังงานให้ได้อย่างน้อย 1,000 กิโลแคลอรี่ต่อสัปดาห์ หรือ 150 กิแคลอรี่ต่อวัน สามารถป้องกันการ
“ลดพุง”
ได้ และถ้าต้องการ
“ลงพุง”
ควรออกกำลังระดับปานกลาง สะสมวันละ 40 – 60 นาทีทุกวัน เพื่อเผาผลาญพลังงานอย่างน้อย 2,000 กิโลแคลอรี่ต่อสัปดาห์
ทั้งนี้ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) แนะว่าการ
“ลงพุง”
เพื่อ
“ลดโรค”
ด้วย
“การแกว่งแขน”
เป็นการออกกำลังกายที่เหมาะสม มากประโยชน์ เพราะง่าย สะดวก มีประสิทธิภาพ ทำได้ทุกที่ทุกเวลาเหมาะสำหรับทุกคน รวมทั้งผู้สูงวัยและผู้ที่มีปัญหาข้อกระดูก เพราะนอกจากเผาผลาญพลังงานแล้ว ยังช่วยให้ต่อมน้ำเหลือง (Lymph nodes) บริเวณรักแร้ที่มีอยู่จำนวนมากไหลเวียนได้ดี ซึ่งต่อมน้ำเหลืองมีหน้าที่เป็นด่านกรองและกำจัดเชื้อโรค ช่วยสร้างเม็ดเลือดขาว อันเป็นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย โดยตองแกว่งแขนอย่างน้อยครั้งละ 10 นาที วันละ 30 นาทีทุกๆวัน จะมีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายด้าน ทั้งเผาผลาญไขมัน ลดการสะสมของไขมันในช่องท้อง พุงจึงลดลงได้ ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ลดความเสี่ยงต่อความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด ช่วยให้การไหลเวียนของโลหิตดีขึ้น ลดอาการปวดบ่า คอ ไหล่ จากการทำงานหรือ Office Syndrome ลดความเครียด และช่วยให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่า
แกว่งแขน ใครๆ ก็ทำได้ง่ายๆ คุณประโยชน์มหาศาล...มาเริ่มกันเลยดีกว่า!
ตัวอย่างการออกกำลังปริมาณปานกลางและใช้พลังงานโดยประมาณ
ขอบคุณบทความ :
วิชาการ.คอม
1936
ผู้เข้าชม
สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี
By SoGoodWeb.com