จับเทรนด์โรคเสี่ยง ปี 58

จับเทรนด์โรคเสี่ยง ปี 58

ทุกคนล้วนมีเส้นทางชีวิตที่ไม่เหมือนกัน บ้างก็ร่ำรวยตั้งแต่กำเนิด อาศัยอยู่บนรากฐานของความสะดวกสบาย แต่อีกจำนวนไม่น้อยที่ถูกกำหนดให้ดำเนินชีวิตด้วยความยากบาก บางคนสุขภาพดีแข็งแรงสมบูรณ์มาแต่กำเนิด หรือบางคนอาจป่วยเจ็บมาตั้งแต่เกิด อย่างไรก็ตามทุกคนมีสิทธิ์รู้สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น เพื่อเตรียมรับมือได้เท่าๆ กัน

ในวาระขึ้นปีใหม่นี้ เชื่อว่าหลายคนอาจจะยังไม่เคยให้รางวัลกับตัวเอง อย่าลืมหมั่นออกกำลังกาย ทานอาหารที่มีประโยชน์ ดูแลสุขภาพจิตอย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญคือการติดตามข่าวสารด้านสุขภาพที่เป็นประโยชน์เพื่อให้เรารู้เท่าทันโรคใหม่ๆ โดยเฉพาะโรคเสี่ยงในปี 2558 ใน 3 กลุ่ม ที่สำคัญที่ นิตยสาร Hospital healthcare คัดมานำเสนอในฉบับนี้

โรคติดเชื้อ

เชื้อโรคต่างๆ เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดโรคติดเชื้อ และในปัจจุบันเชื้อโรคบางชนิดได้พัฒนาตนเองจนกลายเป็นเชื้อชนิดใหม่หรือที่เรียกว่า "โรคอุบัติใหม่" มีต้นตอมาจากสัตว์ที่แพร่เชื้อมาสู่คน กระทั่งพัฒนาเป็นการแพร่เชื้อจากคนสู่คนในชุมชน อย่างเช่น โรคติดเชื้อไวรัสอีโบลาที่ยังคงระบาดอย่างต่อเนื่อง ติดต่อจากสัตว์สู่คนด้วยการสัมผัสสัตว์ในขณะชำแหละสัตว์ที่ตาย หรือรับประทานเนื้อสัตว์ทั้งดิบและสุก และสามารถติดต่อจากคนสู่คนด้วยการสัมผัสกับเลือดที่ติดเชื้อสารคัดหลั่ง อาทิ น้ำเหลือง น้ำมูก น้ำลายของผู้ป่วย เป็นต้น

ขณะที่โรคเดิมๆ ที่รู้จักกันอยู่แล้ว เคยแพร่ระบาดในอดีต แต่กลับมาระบาดใหม่อีกครั้ง หรือ "โรคอุบัติซ้ำ" จะยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น ทำให้รักษายากขึ้น และดื้อยามากขึ้น เหล่านี้พบว่ามีปัจจัยมาจากพฤติกรรมและการดำเนินชีวิตของมนุษย์ที่เปลี่ยนไป การคมนาคมขนส่งที่ทันสมัย ผู้คนสามารถเดินทางไปยังประเทศต่างๆ ได้อย่างสะดวก การค้าสัตว์ป่า การทำลายระบบนิเวศ รวมถึงสภาวะโลกร้อน ที่เพิ่มโอกาสการส่งผ่านเชื้อโรคชนิดใหม่ๆ ได้มากขึ้น

ข้อมูลจาก กรมควบคุมโรค ระบุว่า สำหรับโรคอุบัติใหม่และอุบัติซ้ำ ที่ต้องเฝ้าระวังในไทยอันเนื่องมาจากความแปรปรวนของสภาพอากาศในช่วงนี้ ประกอบด้วย

1. โรคไข้กาฬหลังแอ่น

2. โรคไข้เลือดออก

3. โรคติดเชื้อไวรัสนิปาห์และเฮนดรา

4. โรคไข้หวัดนก

5. ไข้เหลือง

6. โรคชิคุนกุนยา

7. โรคมือเท้าปาก

8. โรคติดเชื้อสเตร็ปโตค็อกคัสซูอิส

9. โรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง (ซาร์ส)

10. โรคทูลารีเมีย

11. โรคเมลิออยโดซิส

12. โรคลิชมาเนีย

13. โรควีซีเจดี หรือโรคสมองเสื่อมชนิดใหม่

ที่กล่าวมาข้างต้น ทำให้รู้ว่าประเทศเรายังคงมีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้ออุบัติใหม่และอุบัติซ้ำอยู่เสมอ และอาจกลายเป็นโรคที่รุนแรงเพิ่มมากขึ้น หากประชากรไม่ร่วมมือกันป้องกัน ดูแลสุขภาพของตนเอง และปฏิบัติตามมาตรการต่างๆ อย่างเคร่งครัด

โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง

โรค NCDs หรือโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง กำลังเป็นปัญหาสุขภาพอันดับหนึ่งของโลกและในไทย โดยกลุ่มโรคที่จัดอยู่ในขั้นวิกฤต มี 4 กลุ่มโรค ได้แก่ โรคหลอดเลือดและหัวใจ โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน และโรคปอดเรื้อรัง กลุ่มโรคดังกล่าวไม่ได้มีสาเหตุมาจากการติดเชื้อ หรือเกิดจากเชื้อโรค หรือติดต่อได้ผ่านการสัมผัส คลุกคลี ตัวนำโรค(พาหะ) หรือสารคัดหลั่งต่างๆ แต่อย่างใด แต่เกิดจากปัจจัยเสี่ยงทางพฤติกรรมสุขภาพ อาทิเช่น สูบบุหรี่ ดื่มสุรา บริโภคอาหารที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ พักผ่อนไม่เพียงพอ และมีความเครียด

จากสถิติผู้เสียชีวิตจากกลุ่มโรค NCDs ในปี 2552 พบว่า สาเหตุการเสียชีวิตของประชากรโลกทั้งหมด 63% เกิดจากกลุ่มโรค NCDs ซึ่งเป็นประชากรในประเทศที่กำลังพัฒนาถึง 80% ขณะที่ไทยมีผู้ป่วยด้วยโรคในกลุ่มนี้ถึง 14 ล้านคน เสียชีวิตมากกว่า 3 แสนคน หรือคิดเป็น 73% ของการเสียชีวิตของประชากรไทยทั้งหมด และมากกว่าครึ่ง เสียชีวิตก่อนอายุ 60ปี ทั้งนี้แม้ว่าค่าสถิติการป่วยและการเสียชีวิตจากกลุ่มโรค NCDs จะมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคต หากเราสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเสี่ยงได้ ก็จะสามารถลดโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นหนึ่งในผู้ป่วยกลุ่มโรคNCDs มากถึง 80% ลดโอกาสในการเป็นมะเร็งได้ 40% โรคหลอดเลือดและหัวใจ และโรคเบาหวานประเภทที่2 ได้ถึง 80%

สุขภาพจิต

นอกจากโรคติดเชื้อและโรคไม่ติดต่อเรื้อรังแล้ว เรื่องของอารมณ์ความรู้สึกที่เกิดจากความผิดหวังก็เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญต่อสุขภาพจิต ซึ่งหลายคนมักมองข้ามว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่มีกันในชีวิตประจำวัน แต่รู้หรือไม่ว่าผลกระทบด้านจิตใจเป็นบาดแผลภายในใจที่ยากจะลบเลือน และกระตุ้นให้ปรากฏอาการทางร่างกาย เช่น ปวดศีรษะ มีปัญหาในการนอน เหนื่อย อ่อนเพลียไม่มีแรง

อาการทางจิตใจ เช่น เครียด ซึมเศร้า สิ้นหวัง หวาดระแวง อารมณ์เปลี่ยนแปลงง่าย นึกภาพของความรุนแรงนั้นซ้ำๆ คิดฆ่าตัวตาย และอาการทางพฤติกรรม เช่น ก้าวร้าว พูดคนเดียว ไม่สนใจตนเองและสิ่งแวดล้อมเดินเรื่อยเปื่อยไม่มีจุดหมาย เก็บตัว ติดเหล้า ติดยา อาการเหล่านี้หากปล่อยให้สะสมเป็นเวลานาน สามารถส่งผลให้เกิดโรคซึมเศร้า โรคอารมณ์แปรปรวน โรควิตกกังวล โรคประสาท โรคจิตเภทตามมาได้ในอนาคต

จวบจนวันนี้แม้ว่าเราจะยังไม่มีใครคอยดูแล หรือเข้าใจถึงสภาวะจิตใจก็ตาม แต่เราสามารถสร้างภูมิคุ้มกันให้กับตัวเองได้ด้วยการหลีกเลี่ยงจากปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคร้ายต่างๆ รวมถึงสามารถตรวจสุขภาพของตัวเองได้อยู่เสมอ เพราะการที่เรามีสุขภาพที่ดี เราก็ย่อมจะเป็นผู้ที่มีชีวิตที่ดีด้วยเช่นกัน

 599
ผู้เข้าชม
สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์