เงินชดเชยตามกฎหมายแรงงาน
เรื่องแรกที่หลายคนสงสัยและอยากรู้คงหนีไม่พ้นเรื่องสิทธิประโยชน์ในการได้รับเงินชดเชยตามกฎหมายแรงงาน โดยมีรายละเอียดดังนี้
1. ลูกจ้างที่ถูกเลิกจ้างโดยไม่มีความผิด จะได้รับเงินชดเชยดังนี้
ทำงานติดต่อกันครบ 120 วัน แต่ไม่ครบ 1 ปี ได้รับเงินชดเชยเท่ากับอัตราค่าจ้างสุดท้าย 30 วัน
ทำงานติดต่อกันครบ 1 ปี แต่ไม่ครบ 3 ปี ได้รับเงินชดเชยเท่ากับอัตราค่าจ้างสุดท้าย 90 วัน
ทำงานติดต่อกันครบ 3 ปี แต่ไม่ครบ 6 ปี ได้รับเงินชดเชยเท่ากับอัตราค่าจ้างสุดท้าย 180 วัน
ทำงานติดต่อกันครบ 6 ปี แต่ไม่ครบ 10 ปี ได้รับเงินชดเชยเท่ากับอัตราค่าจ้างสุดท้าย 240 วัน
ทำงานติดต่อกันครบ 10 ปีขึ้นไป ได้รับเงินชดเชยเท่ากับอัตราค่าจ้างสุดท้าย 300 วัน
2. ลูกจ้างที่ถูกเลิกจ้าง โดยไม่ได้รับเงินชดเชย มีสาเหตุดังนี้
ทุจริตต่อหน้าที่หรือกระทำความผิดทางอาญาโดยเจตนาต่อนายจ้าง
จงใจทำให้นายจ้างได้รับความเสียหาย
ประมาทเลินเล่อ จนนายจ้างได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง
ฝ่าฝืนกฎข้อบังคับของนายจ้าง โดยได้รับหนังสือเตือนแล้ว หรือหากเป็นกรณีร้ายแรงก็ไม่จำเป็นต้องมีหนังสือเตือน (หนังสือเตือนมีอายุ 1 ปีนับจากวันที่ทำผิด ไม่ใช่วันที่ได้รับ)
หยุดงานติดต่อกันเป็นเวลา 3 วัน โดยไม่มีเหตุอันควร (ไม่ว่าจะมีวันหยุดคั่นหรือไม่ก็ตาม)
ได้รับโทษหรือได้รับคำพิพากษาให้จำคุก
การจ้างที่มีกำหนดระยะเวลา หรือสัญญาที่แน่นอน เช่น การเซ็นสัญญาจ้าง 2 ปี เป็นต้น
3. ลูกจ้างมีสิทธิได้รับค่าชดเชยพิเศษ ในกรณีต่อไปนี้
มีการย้ายสถานที่ทำงานซึ่งกระทบต่อการดำเนินชีวิตของลูกจ้าง (นายจ้างต้องบอกล่วงหน้า 30 วัน) ถ้าลูกจ้างไม่อยากย้าย สามารถบอกเลิกสัญญาจ้างโดยได้รับเงินชดเชย 50% ของอัตราค่าชดเชยปกติ แต่หากไม่มีการบอกล่วงหน้า 30 วัน ลูกจ้างจะได้ค่าชดเชยเท่ากับอัตราค่าจ้างสุดท้าย 30 วัน
การเลิกจ้างเนื่องจากต้องการปรับปรุงหน่วยงาน และกระบวนการต่าง ๆ หรือมีการนำเครื่องจักรมาใช้แทนพนักงาน ลูกจ้างจะได้รับค่าชดเชยเท่ากับอัตราค่าจ้างสุดท้าย 60 วัน หากนายจ้างไม่มีการบอกกล่าวล่วงหน้าอย่างน้อย 60 วัน
ในกรณีที่มีการเลิกจ้างเนื่องจากปรับปรุงหน่วยงาน และลูกจ้างทำงานติดต่อกันมาเกิน 6 ปีขึ้นไป นายจ้างต้องจ่ายค่าชดเชยพิเศษเพิ่มขึ้นจากเดิม อีก 15 วันต่อการทำงานครบ 1 ปี โดยรวมแล้วไม่เกินอัตราค่าจ้างสุดท้าย 360 วัน (หากมีเศษไม่ครบ 1 ปี แต่มากกว่า 180 วัน ให้นับเป็น 1 ปี)
กฎหมายแรงงาน เวลาทำงาน
1. กำหนดเวลาในการทำงาน
กำหนดให้ลูกจ้างทำงานไม่เกิน 6 วันต่อสัปดาห์
เวลาทำงานปกติในสายงานทุกประเภท ไม่เกินวันละ 8 ชั่วโมง หรือไม่เกิน 48 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
หากมีวันที่ทำงานน้อยกว่า 8 ชั่วโมง ให้นำเวลาไปสมทบกับวันทำงานปกติวันอื่นได้ แต่ต้องไม่เกินวันละ 9 ชั่วโมง และไม่เกิน48 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
2. กำหนดเวลาการทำงานของสายงานเฉพาะ
งานที่อันตรายต่อสุขภาพตามกฎกระทรวงแรงงาน ให้ทำงานวันละไม่เกิน 7 ชั่วโมง หรือไม่เกิน 42 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
งานขนส่งทางบก สำหรับผู้ขับขี่ยานพาหนะ ห้ามไม่ให้มีการทำงานในวันถัดไปก่อนครบ 10 ชั่วโมงหลังจากทำงานครั้งสุดท้าย
งานปิโตรเคมี สามารถทำงานได้วันละไม่เกิน 12 ชั่วโมง แต่ไม่เกิน 48 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
3. กำหนดเวลาพัก
เวลาพักระหว่างวันทำงาน ต้องติดต่อกันไม่น้อยกว่า 1 ชั่วโมงต่อวัน
กฎหมายแรงงาน ล่วงเวลา
1. ลูกจ้างที่ต้องทำงานล่วงเวลาในวันทำงาน ต้องได้รับค่าล่วงเวลาไม่น้อยกว่า 1.5 เท่าของอัตราจ้างปกติต่อชั่วโมง
2. ลูกจ้างที่ต้องทำงานในวันหยุด ต้องได้รับค่าจ้างไม่น้อยกว่า 3 เท่าของอัตราจ้างปกติ
3. ลูกจ้างที่ไม่มีสิทธิ์ได้รับค่าล่วงเวลา
ตำแหน่งผู้อำนวยการ ผู้จัดการ หัวหน้า
งานขนส่ง
งานขบวนจัดการถไฟ
งานปิด-เปิดประตูระบายน้ำ
งานอ่านระดับน้ำ หรืดวัดปริมาตรน้ำ
งานเฝ้าสถานที่หรือดูแลทรัพย์สิน
งานนอกสถานที่โดยสภาพของงานไม่อาจกำหนดเวลาที่แน่นอนได้
4. ห้ามนำหนี้อื่นมาหักล้างค่าล่วงเวลา เช่น นายจ้างจะหักเงินค่าล่วงเวลาแทนหนี้ที่ลูกจ้างติดค้างอยู่ไม่ได้
กฎหมายแรงงาน วันหยุด
วันหยุดประจำสัปดาห์ จะต้องมีวันหยุดไม่น้อยกว่า 1 วันในแต่ละสัปดาห์ หรืออาจมีการตกลงกันระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างให้เลื่อนวันหยุดประจำสัปดาห์ออกไปได้ แต่ต้องไม่เกิน 4 สัปดาห์ติดต่อกัน
วันหยุดประจำปี ต้องไม่น้อยกว่าปีละ 13 วัน รวมวันแรงงานแห่งชาติด้วย และต้องประกาศให้ทราบล่วงหน้าอย่างน้อย 1 ปี หากตรงกับวันหยุดก็ให้ชดเชยในวันทำงานถัดไป
วันพักร้อน เมื่อลูกจ้างทำงานครบ 1 ปี ต้องได้สิทธิ์พักร้อน ไม่น้อยกว่า 6 วันทำงาน
กฎหมายแรงงานวันลาป่วย
ลูกจ้างสามารถลาป่วยได้เท่ากับวันที่ป่วยจริง แต่ไม่เกิน 30 วันทำงาน โดยได้รับค่าจ้าง
หากมีการลาป่วยติดต่อกัน 3 วัน ต้องมีใบรับรองแพทย์
ลาคลอดได้ไม่เกิน 90 วัน โดยได้รับค่าจ้าง 45 วัน
ลาเพื่อทำหมันได้ทุกครั้งที่แพทย์วินิจฉัยให้หยุด โดยได้รับค่าจ้าง
หญิงมีครรภ์ที่ทำงานตำแหน่งเดิมไม่ไหว สามารถขอเปลี่ยนงานชั่วคราวในช่วงก่อนหรือหลังคลอดได้ โดยต้องมีใบรับรองแพทย์
กฎหมายแรงงาน ลากิจ
ลูกจ้างสามารถลากิจได้หากมีกิจธุระจำเป็น แต่จะไม่ได้รับค่าจ้างในวันลา
ลาเข้ารับราชการทหารได้ไม่เกินปีละ 60 วัน โดยได้รับค่าจ้าง
ลาเพื่อฝึกอบรมสามารถลาได้ตามกฎกระทรวง แต่จะไม่ได้รับค่าจ้างในวันลา
กฎหมายแรงงาน วันพักร้อน
ลูกจ้างที่ทำงานครบ 1 ปี จะได้รับสิทธิ์ลาพักร้อนไม่น้อยกว่า 6 วันทำงาน
ลูกจ้างต้องได้รับค่าจ้างในวันลาพักร้อน
หากทำงานยังไม่ครบ 1 ปี ลูกจ้างอาจได้รับวันหยุดตามสัดส่วนได้
นายจ้างและลูกจ้างสามารถตกลงกันเพื่อสะสมวันหยุดพักร้อนไปรวมกับวันหยุดได้ปีอื่นได้
ค่าจ้าง กฎหมายแรงงาน
ค่าจ้าง หมายถึงอัตราค่าตอบแทนในการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นแบบรายเดือน รายวัน รายชั่วโมง หรืออื่น ๆ โดยอาจคำนวณตามผลงานที่ทำโดยมีรายละเอียดดังนี้
ลูกจ้างต้องได้รับค่าจ้างไม่น้อยกว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ซึ่งปัจจุบันกำลังปรับขึ้นเป็น 300 บาทต่อวัน
วันหยุดประจำปี วันหยุดประจำสัปดาห์ วันลาป่วย และวันลาพักร้อน ลูกจ้างต้องได้รับค่าจ้าง
วันลาอื่น ๆ ลูกจ้างจะมีสิทธิ์ได้รับค่าจ้างตามกำหนดของแต่ละชนิดวันลา เช่น ลาคลอด ได้รับค่าจ้าง 45 วัน, ลารับราชการทหาร ได้รับค่าจ้าง 60 วัน เป็นต้น
กฎหมายแรงงานเด็ก
ห้ามนายจ้าง จ้างเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี เป็นลูกจ้าง
หากจ้างเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี เป็นลูกจ้าง นายจ้างต้องแจ้งต่อพนักงานตรวจแรงงานภายใน 15 วัน และเมื่อเลิกจ้างต้องแจ้งภายใน 7 วันนับตั้งแต่วันที่ออกจากงาน
ต้องมีเวลาพัก 1 ชั่วโมง ภายใน 4 ชั่วโมงแรกของการทำงาน และมีเวลาพักย่อยตามที่นายจ้างกำหนด
ห้ามให้เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ทำงานในช่วงเวลา 22.00 – 06.00 น. เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากอธิบดี
เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ห้ามทำงานล่วงเวลา
เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ห้ามทำงานดังต่อไปนี้
• งานหลอม เป่า หล่อ รีด ปั๊มโลหะ
• งานกี่ยวกับความร้อน ความเย็น ความสั่นสะเทือน เสียง และแสงที่อาจเป็นอันตรายตามกฎกระทรวง
• งานเกี่ยวกับสารเคมีอันตราย
• งานเกี่ยวกับจุลชีวะเป็นพิษ เช่น แบคทีเรีย ไวรัส เชื้อรา และอื่น ๆ
• งานเกี่ยวกับวัตถุมีพิษ เช่น ระเบิด วัตถุไวไฟ โดยยกเว้นงานในสถานีบริการน้ำมัน
• งานบังคับหรือยกปั้นจั่น
• งานใช้เลื่อย
• งานใต้ดิน ในน้ำ อุโมงค์ ถ้ำ หรือปล่องภูเขา
• งานเกี่ยวกับกัมมันตภาพรังสี
• งานทำความสะอาดเครื่องจักรหรือเครื่องยนต์ที่กำลังทำงาน
• งานบนนั่งร้านสูงกว่า 10 เมตรขึ้นไป
• งานอื่น ๆ ตามกฎกระทรวง
เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ห้ามทำงานในสถานที่ต่อไปนี้
• โรงฆ่าสัตว์
• สถานที่เล่นการพนัน
• สถานที่เต้นรำ
• สถานบริการ
• สถานมึนเมา
• และอื่น ๆ ตามกฎกระทรวง
ค่าจ้างของแรงงานเด็กห้ามจ่ายให้กับบุคคลอื่น
ห้ามนายจ้างเรียกหรือรับเงินประกันจากลูกจ้างที่เป็นเด็ก
เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี มีสิทธิ์ลาเพื่อทำกิจกรรมกับสถานศึกษา และได้รับค่าจ้าง โดยรวมแล้วไม่เกิน 30 วันต่อปี
ข้อยกเว้น กฎหมายแรงงาน
แม้ว่าลูกจ้างจะต้องได้รับสิทธิ์ตามกฎหมายแรงงาน แต่ก็ยังมีข้อยกเว้นที่นายจ้างจะไม่ต้องจ่ายเงินให้กับลูกจ้าง ดังนี้
1. ทุจริตต่อหน้าที่หรือกระทำผิดทางอาญาโดยเจตนาแก่นายจ้าง
2. จงใจให้นายจ้างได้รับความเสียหาย
3. ประมาทเลินเล่อ จนนายจ้างได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง
4. ฝ่าฝืนกฎข้อบังคับของนายจ้าง โดยได้รับหนังสือเตือนแล้ว หรือหากเป็นกรณีร้ายแรงก็ไม่จำเป็นต้องมีหนังสือเตือน (หนังสือเตือนมีอายุ 1 ปีนับจากวันที่ทำผิด ไม่ใช่วันที่ได้รับ)
5. หยุดงานติดต่อกันเป็นเวลา 3 วัน โดยไม่มีเหตุอันควร (ไม่ว่าจะมีวันหยุดคั่นหรือไม่ก็ตาม)
6. ได้รับโทษหรือได้รับคำพิพากษาให้จำคุก
7. การจ้างที่มีกำหนดระยะเวลา หรือสัญญาที่แน่นอน เช่น การเซ็นสัญญาจ้าง 2 ปี เป็นต้น
และนี่ก็คือข้อมูลคร่าว ๆ ของกฎหมายแรงงานที่คนทำงานควรรู้ จะได้ไม่เสียสิทธิ์และเข้าใจกับนโยบายต่าง ๆ ของบริษัทที่คุณทำงานอยู่ให้มากขึ้นด้วยนะคะ ส่วนใครที่อยากได้รายละเอียดเพิ่มเติมก็สามารถเข้าไปอ่านมาตราต่าง ๆ ของกฎหมายแรงงานได้ที่ labour.go.th เลยจ้า
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
labour.go.th