เพราะว่าในปัจจุบันนี้ คนเราใช้ชีวิตอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์มากขึ้นกว่าแต่ก่อน และยิ่งเป็นพนักงานออฟฟิศนี่ยิ่งตัวดีเลย เพราะว่าเราต้องหนังกดๆ จิ้มอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ในออฟฟิศทั้งวัน และที่ยิ่งกว่านั้นพอกลับบ้านเลิกงานแล้ว พอถึงบ้านเราก็ยังเปิดคอมพ์นั่งเล่นต่ออีก ก็อย่างที่เขาว่ากันแหละค่ะ ที่คนเราในปัจจุบันทำอะไรหน้าจอคอมพ์ได้ทั้งนั้นไม่ว่าจะดูหนัง ฟังเพลง อ่านหนังสือ พักผ่อน ทำงาน มันก็หน้าคอมพ์หมด ซึ่งนี่แหละจึงเกิดปัญหาที่ตามมา (มันไม่ได้เกิดแบบปุบปัปๆ มาแล้วเป็นเลยนะเออ แบบนี้มันยังดีกว่าด้วย ที่เป็นแล้วรักษาได้เลย) ซึ่งปัญหาที่มันจะตามมานั่นคือปัญหาสะสมนั่นเอง โดยปัญหาสะสมที่เกิดจากการที่เราต้องนั่งทำงาน หรือนั่งเล่นคอมเวลานานๆ นั่นก็คือ การเกิดอาการหลังค่อม ซึ่งเกิดจาการที่เราต้องก้มหน้าจ้องที่หน้าจอเป็นเวลานานๆ พอมันสะสมมันก็จะกลายเป็นอาการหลังค่อมนั่นเอง!!! แต่ไม่ต้องกลัวครับเพื่อนๆ อาการ ออฟฟิศซินโดรม จากการนั่งทำงานหน้าคอมพ์มากกเกินไปมันมีทางแก้ค่ะ วันนี้ทาง Men.MThai เราจะขอนำเสนอ ท่าบริหารแก้อาการหลังค่อม
ความน่ากลัวของ อาการหลังค่อม
- ปวดหลังเรื้อรัง เนื่องจากอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์วันละ 8 ชั่วโมง และนั่งหลังค่อม ทำให้กล้ามเนื้อต้นคอและสะบัก เมื่อยและตึงตัวอยู่ตลอดเวลา นอกจากนี้ ยังทำให้หายใจไม่อิ่ม กระบังลมขยายไม่เต็มที่ สมองได้รับออกซิเจนไม่เต็มที่ เกิดอาการง่วงเหงาหาวนอน เรียกว่าสมองไม่แล่น ศักยภาพทำงานไม่เต็มร้อย
- ไมเกรนหรือปวดศีรษะเรื้อรัง เกิดจากความเครียด การพักผ่อนไม่เพียงพอ แสงแดด ความร้อน และขาดฮอร์โมนบางชนิด
- มือชา เอ็นอักเสบ นิ้วล็อก ปลอกหุ้มเอ็นข้อมือ เส้นเอ็นนิ้วมืออักเสบ เพราะใช้คอมพิวเตอร์หรือจับเมาส์ในท่าเดิมนานๆ ทำให้กล้ามเนื้อกดทับเส้นประสาทและเส้นเอ็นจนอักเสบ เกิดพังผืดยึดจับจำนวนมาก ทำให้เกิดอาการปวดของปลายประสาทนิ้วล็อก หรือข้อมือล็อกได้
เอาหล่ะ เรามาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า สำหรับ ท่าบริหารแก้อาการหลังค่อม กันเลยดีกว่า
โดยท่าการบริหารนี้จะแบ่งออกเป็น 3 ท่า โดย ทั้ง 3 ท่านั้นจะมีจุดการยืนที่เหมือนกันทั้ง 3 ท่า โดยให้เรายืนหลังและส้นเท้าชิดกำแพง และกดคางเราลงมาให้ท้ายทอยเราแตะที่กำแพง (ก้มหน้าลงซัก45องศาค่ะ ให้ศีรษะช่วงล่างติดชิดกับกำแพง เหมือนกับหลังและส้นเท้า)
ท่าแรก ให้กางแขนออกทั้งสองข้าง อยู่ในระดับ 45 องศา เป็นท่าเริ่มต้น และยกขั้น 90 องศาเป็นสเต็ปที่ 2 โดยให้เราทำเป็นเหมือนนกกางปีกบิน จะเร็วหรือช้าก็ได้ เป็นจำนวน 10 ครั้ง
ท่าที่สอง ก็ต่อจากท่าแรกค่ะ กางแขนออกทั้งสองข้าง อยู่ในระดับ 45 องศา เป็นท่าเริ่มต้นเหมือนท่าก่อนหน้า และหลังจากนั้นให้พับแขนขึ้นมาให้ฝ่ามือปิดที่หูเป็นท่าที่ 2 จะเร็วหรือช้าก็ได้ เป็นจำนวน 10 ครั้ง
และท่าสุดท้าย ให้เราพับแขนติดกับตัวและยกแขนขึ้นไปข้างบนหนึ่งข้างและดึงลงมา (เหมือนการปีนเชือก) สลับกันไปมา สองข้าง และอย่าลืมนะคะว่าตอนที่ยกมือขึ้นคางเราต้องกดลง 45 องศาให้ท้ายทอยเราติดผนัง อย่าเงยหน้าขึ้นตามมือ ซ้าย-ขวา นับเป็น 1 ครั้ง ทำเป็นจำนวน 10 ครั้ง โดยให้ทำท่าทั้งหมด วันละ ประมาณ 2 ครั้งต่อวัน
ขอบคุณบทความจาก : MThai