เรื่องที่ "ห้ามไม่รู้" สำหรับคนชอบเที่ยว "ภาษีท่องเที่ยว" โดย คุณผู้พันจุ้น

เรื่องที่ "ห้ามไม่รู้" สำหรับคนชอบเที่ยว "ภาษีท่องเที่ยว" โดย คุณผู้พันจุ้น

เรื่องที่ "ห้ามไม่รู้" สำหรับคนชอบเที่ยว "ภาษีท่องเที่ยว" โดย คุณผู้พันจุ้น

          วันนี้ผมจะบอกเล่าเก้าสิบเรื่องเกี่ยวกับ "ภาษีท่องเที่ยว" ซึ่งเป็นเรื่องใหม่แกะกล่องในสังคมไทย คนไทยทุกคนยังไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับมันเท่าไรนัก แต่ไม่เป็นไรครับ วันนี้ผมจะมาเล่าให้ทุก ๆ คนฟังเองว่ามันคืออะไรกันแน่ และมันมีความหมายอะไรในการท่องเที่ยว ไม่ใช่พอว่าได้ยินคำว่าภาษีหรือตัวเลขอะไรแบบนี้แล้วเบนหน้าหนีกันหมดนะครับ

          "ภาษีท่องเที่ยว" ชื่อก็บอกอยู่ชัดเจน แต่ความหมายชวนให้เราเข้าใจผิดไปสักเล็กน้อย ถ้าเราเข้าใจกันว่าเวลาไปเที่ยวแล้วต้องจ่ายเงินมากขึ้น (หมายถึงจ่ายภาษีเพิ่มขึ้น) แสดงว่าอันนี้เราเข้าใจกันผิดแบบกลับหัวกลับหางเลยนะครับ จริง ๆ แล้วคือ ..

          "ภาษีท่องเที่ยว" คือภาษีที่รัฐบาลออกมาเพื่อช่วยกระตุ้นให้คนไทยเที่ยวกันมากขึ้น ใช้จ่ายเงินกันมากขึ้น เงินจะได้หมุนเวียนไปสู่ส่วน ๆ ต่างในภาคการท่องเที่ยวมากขึ้น ทีนี้เมื่อจ่ายเงินกันมากขึ้นก็หมายความว่ารัฐบาลก็เก็บภาษีได้มากขึ้นไงครับ มีเงินไปพัฒนาประเทศต่อได้

       
   แล้วทีนี้มันมาเกี่ยวกับบุคคลเดินดินกินบะหมี่เกี๊ยวหน้าเซเว่นได้อย่างไร ไม่มีอะไรให้เข้าใจยาก ก็แค่ว่าเงินทุกบาท ทุกสตางค์ ที่เราเริ่มจ่ายเข้าไปในระบบการท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นค่ารถ ค่าเรือ ค่าเครื่องบิน ค่าที่พัก หรืออะไรก็ตาม เมื่อเราจ่ายไปแล้วรัฐบาลจะคืนเงินบางส่วนให้เรานั่นเองครับ โดยจะมาในรูปของการลดหย่อนภาษีเงินได้ประจำปีนั่นเอง (ไม่ได้คืนเงินสดให้เรานะครับ)

          แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เพดานของการใช้จ่ายในการเที่ยวอยู่ที่ไม่เกิน 15,000 บาทต่อคนต่อปี เท่านั้นครับ และทุกการใช้จ่ายต้องมีใบเสร็จที่เป็นทางการ (มีเลขคนทำการค้าและเลขผู้เสียภาษีนั่นเอง) พูดง่าย ๆ คนบ้าน ๆ ที่ขายของให้เราแบบยื่นหมูยื่นแมวอันนี้ไม่น่าจะใช้ได้นะครับ ต้องเป็นการใช้จ่ายในธุรกิจท่องเที่ยวที่ถูกต้องตามกฎหมายทุกกระเบียดนิ้วครับ



          สรุปให้เห็นภาพกันดีกว่า ลองมาดูกันครับ สมมติถ้าปีนี้เรามีใบเสร็จที่เก็บได้ 15,000 บาทพอดี

          ถ้าฐานภาษีเรา 5%       ก็ได้เงินภาษีกลับมา     750 บาท

          ถ้าฐานภาษีเรา 10%     ก็ได้เงินภาษีกลับมา     1,500 บาท

          ถ้าฐานภาษีเรา 15%     ก็ได้เงินภาษีกลับมา     2,250 บาท

          ถ้าฐานภาษีเรา 20%     ก็ได้เงินภาษีกลับมา     3,000 บาท

          ถ้าฐานภาษีเรา 25%     ก็ได้เงินภาษีกลับมา     3,750 บาท

          ถ้าฐานภาษีเรา 30%     ก็ได้เงินภาษีกลับมา     4,500 บาท

          ยกตัวอย่าง ถ้าผมมีฐานเงินเดือนที่ 5% ปีนี้ผมไปเที่ยวทั้งปี จ่ายไปทั้งหมด 15,000 พอดี ตอนปลายปีผมก็สามารถที่จะลดภาษีของตัวผมเองได้อีก 750 บาทนั่นเองครับ (คิดซะว่าได้กาแฟสตาร์บัคส์ฟรีสักครึ่งโหลก็ได้ครับ อิอิ)

          หรือถ้าคนที่มีฐานภาษีที่ 10% แล้วได้ไปพักรีสอร์ทหรูคืนละ 15,000 บาท ก็เสมือนกับว่ารีสอร์ทนั้นเสนอโปรโมชั่นสุดพิเศษเหลือราคาคืนละ 13,500 บาทนั่นเองครับ (หักลดหย่อนภาษีไป 1,500 บาท)

          นโยบายของรัฐบาลรอบนี้เราไม่เสียอะไรเลย มีแต่ได้ เพราะฉะนั้นน้ำขึ้นให้รีบตักนะค้าบบ สรุปสุดท้ายไม่มีอะไรมากกว่า ให้เราเริ่มต้นเก็บใบเสร็จกันได้แล้ว ณ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปครับ


ทีนี้มาช่วงคำถามที่พบบ่อย

1. เริ่มใช้ได้เมื่อไร

           เริ่มใช้ได้ตั้งแต่ปัจจุบันจนเดือนธันวาคมนี้ เพื่อลดหย่อนในปีภาษี 2558

          ยังใช้ได้ต่อเนื่องใน เดือนมกราคมถึงธันวาคมปีหน้า เพื่อลดหย่อนในปีภาษี 2559

          ใบกำกับภาษี/ใบเสร็จรับเงินที่มีผลใช้ได้คือ กิจกรรมที่จะเกิดขึ้นหลังมีการประกาศใช้กฎหมาย ซึ่งก็จะเป็นราว ๆ เดือนตุลาคมนี้ เป็นต้นไปครับ

2. ค่าเดินทาง เช่น น้ำมันรถ ค่าตั๋วรถทัวร์ ค่าตั๋วเครื่องบิน ใช้ได้ไหม

          จากการสอบถามกับ Call center ของกรมสรรพากรแล้ว รายจ่ายบางอย่างที่พิสูจน์ไม่ได้ว่าใช้สำหรับไปเที่ยวหรือธุระส่วนตัวกันแน่ เช่น ค่าน้ำมันแบบนี้อาจจะใช้ไม่ได้ครับ ค่าเครื่องบินก็เช่นกันไม่อาจพิสูจน์ได้ว่าเราใช้บินไปเที่ยวหรือธุระส่วนตัว ในส่วนนี้จึงอาจจะใช้ไม่ได้ครับ อย่างไรก็ตามคงต้องรายละเอียดที่แน่ชัดคงต้องรอประกาศกันอีกครั้ง

          แต่ถ้าเป็นในกรณีที่เราซื้อเป็น package ทัวร์มาซึ่งมีค่าเช่ารถ ค่าโรงแรม ค่าอาหารอยู่ อันนี้คิดว่าค่อนข้างจะใช้ได้แน่นอน เพราะถูกยืนยันด้วยบริษัททัวร์ที่เราจ่ายไปแล้วไงครับ

3. ค่าทัวร์ไปเที่ยวต่างประเทศแต่ใช้บริษัททัวร์คนไทย อันนี้หักได้ไหม

          ไม่ได้แน่นอนครับ เพราะค่าใช้จ่ายในการเที่ยวไม่ได้เกิดที่ประเทศไทย

4. การจองที่พักผ่าน Agoda, Booking, Hostelworld สำหรับที่พักในประเทศไทย สามารถใช้ได้หรือไม่

          ต้องบอกก่อนว่า ทุกโรงแรมที่เราไปพักต้องเป็นโรงแรมที่ถูกต้องตามกฎหมายคือจดทะเบียนถูกต้อง มีเลขผู้เสียภาษีที่ถูกต้อง และได้รับการรับรอง ถึงจะใช้ได้ครับ ทีนี้คือเราต้องขอใบเสร็จรับเงินของ Agoda หรือบริษัทอื่น ๆ มาด้วยครับ (อันนี้สรรพากรยืนยันว่าใช้ได้)

5. สุดท้ายนี้ให้เราเก็บใบเสร็จในทุก ๆ อย่างเท่าที่เราใช้ไปก่อนนะครับ

          ได้ไม่ได้เอาไว้ก่อน เพราะยังไงก็ถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายอยู่แล้ว แล้วปีหน้าที่เราจะต้องยื่นกัน ทางกรมสรรพากรน่าจะมีรายละเอียดที่แน่ชัดเกี่ยวกับการเอาไปหักลดหย่อนแบบชัดแจ้งนะครับ
 553
ผู้เข้าชม
สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์