วันนี้ได้อ่านเจอบทความในเว็บไซต์ Inc.com ชื่อบทความว่า “10 Leaders and the Surprising Ways They Stay Productive” แปลเป็นไทยแบบง่ายๆ ว่า 10 ผู้นำกับวิธีการที่น่าประหลาดใจที่จะทำให้เรายังคงเป็นคน Productive อยู่เสมอ อ่านจบแล้วรู้สึกดี ก็เลยนำเอามาเขียนเป็นบทความให้อ่านกัน เผื่อจะได้เป็นแนวทางให้กับท่านผู้อ่าน นำไปใช้ในการสร้างชีวิตของตนเองให้มี Productivity อยู่เสมอ สิ่งที่ผมสรุปมานี้ ไม่ครบ 10 ประการนะครับ เนื่องจากมีบางเรื่องที่ไม่เหมาะกับวิถีชีวิตแบบไทย ๆ ก็เลยเอาแต่เรื่องที่น่าจะพอทำกันได้จริง ๆ มาสรุปให้อ่านกันครับ
- หยุดทุกอย่างที่ทำแล้วเข้านอนซะ แนวทางแรกที่ผู้บริหารท่านหนึ่งแนะนำก็คือ เมื่อไหร่ที่ถึงเวลานอน ก็จงลืมทุกสิ่งทุกอย่าง และเข้านอนให้ตรงเวลา ชีวิตคนเราปัจจุบันนี้มีกิจกรรมต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน หรือเรื่องส่วนตัว เทคโนโลยีต่าง ๆ ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเรา จะทำให้เวลาของเราในแต่ละวันรู้สึกว่ามันน้อยลง เมื่อเทียบกับกิจกรรมต่าง ๆ ที่มีในแต่ละวัน การที่เราจะสามารถสร้างผลงานได้อย่างสม่ำเสมอนั้น แปลว่าเราต้องมีพลังในตัวอยู่เสมอ ดังนั้น การนอนหลับพักผ่อนที่เพียงพอจึงเป็นวิธีการที่ทำให้เรามีพลังในการทำงานใน แต่ละวันได้อย่างดี ซึ่งตรงข้ามกับชีวิตประจำวันของคนเราสมัยนี้ ที่นอนกันดึกดื่น จนเวลาทำงานก็ง่วงหงาวหาวนอนกันตาม ๆ กัน (Arianna Huffington ผู้บริหาร Huffington Post)
- เลิกมีผู้ช่วย หรือเลขาส่วนตัว ผู้บริหารบางคนมักจะมีเลขาส่วนตัว เพื่อที่จะได้คอยติดต่อประสานงานนัดหมาย หรือเตือนความจำในเรื่องต่าง ๆ ในแต่ละวัน ซึ่งทำให้เราขาดการตื่นตัว และต้องพึ่งพาผู้ช่วยไปทุกเรื่อง พอผู้ช่วย หรือเลขาต้องลางาน หรือลาออกไป ก็ทำให้ผู้บริหารบางคนทำอะไรไม่ถูกกันเลย การที่จะทำให้ชีวิตของตนเองมีพลังอยู่เสมอนั้น ก็คือ จะต้องคิด และทำอะไรด้วยตนเอง โดยไม่ต้องอาศัยเลขานุการหรือผู้ช่วยในการทำงาน (Larry Page ผู้บริหาร Google)
- จงเป็นคนที่มีความสม่ำเสมอ คนที่มี Productivity ดี ๆ ส่วนใหญ่จะเป็นคนที่ทำอะไรสม่ำเสมอ ไม่ทำอะไรจับจด เช่นวันนี้อยากทำอะไรก็ทำ ไม่อยากทำอะไรก็ไม่ทำ โดยไม่สนใจว่ากิจกรรมที่เราทำ หรือไม่ทำนั้น ไปมีผลอย่างไรกับเป้าหมายชีวิตของตนเองบ้าง คนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต จะเป็นคนที่ยึดเป้าหมายนั้นไว้ และทำกิจกรรมทุกวันในชีวิต เพื่อให้ไปสู่เป้าหมายนั้นให้ได้ (Stephen Kings นักเขียน)
- ออกกำลังกายบ้าง คนที่มีพลังในการทำงาน ร่างกาย และสมองจะต้องมีพลังด้วย วิธีการสร้างพลังให้กับร่างกายและสมองของเราก็คือ การหาเวลาออกกำลังกายบ้าง อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 วัน วันละ ประมาณ 2 ชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายได้เผาผลาญสิ่งที่ไม่ดี และเป็นการสร้างพลังให้กับร่างกายและจิตใจได้ (Richard Branson ผู้บริหาร Virgin Group)
- ทำงานให้เหมือนเป็นงานอดิเรก การที่คนเราจะสร้างผลงานได้ดีอย่างสม่ำเสมอนั้น สิ่งแรกที่จะต้องมีก็คือ การรักงานที่ทำ ลองสังเกตเวลาที่เราใช้เวลากับงานอดิเรกสิครับ เรามักจะลืมเวลา ลืมทุกสิ่งทุกอย่าง และจดจ่ออยู่กับงานอดิเรกที่เราทำได้เป็นวัน ๆ บางครั้งถึงกับข้ามคืนกันเลยก็มี ดังนั้นถ้างานที่เราทำเป็นงานที่เราชอบ และรัก เราจะสามารถทำมันได้อย่างทุ่มเท และจะยังคงสามารถสร้าง Productivity ได้อย่างต่อเนื่อง (Jana Eggers co-founder of SureCruise.com)
ถ้าเราพิจารณาจากสิ่งที่ผู้นำทั้ง 5 คนได้ให้แนวทางไว้นั้น วิธีการง่าย ๆ ที่จะทำให้เรายังคงรักษาความคงที่ในการทำงานไว้ได้ หรือสร้างมูลค่าเพิ่มในการทำงานได้มากขึ้นนั้น มันก็สอดคล้องกับแนวทางของ 7 habits ในอุปนิสัยสุดท้ายก็คือ Sharpen the saw หมั่นลับคมเลื่อยอยู่เสมอ ซึ่งในการลับคมเลื่อยนั้นก็แบ่งออกเป็น 4 ด้านใหญ่ ๆ ก็คือ
- ด้านกายภาพ ด้านแรกที่คนเราทุกคนควรจะหมั่นลับคมเลื่อยอยู่เสมอ ก็คือ ความสมบูรณ์ทางด้านร่างกายนั่นเอง การที่เราจะทำงานได้ดี มีผลงานชั้นเยี่ยมได้นั้น เราต้องอาศัยร่างกายที่แข็งแรงด้วย ดังนั้นถ้าเราปล่อยให้ร่างกายทรุดโทรม ทำงานหามรุ่งหามค่ำ โดยไม่สนใจตัวเองเลย เราจะทำงานได้ไม่นานครับ สักพักเราอาจจะต้องเอาเงินที่หามาได้ทุกบาททุกสตางค์มาเป็นค่ารักษาพยาบาล ตัวเราเองนี่และ ดังนั้น อย่าลืมหมั่นลับคมเลื่อยทางด้านร่างกาย โดยการออกกำลังกายสม่ำเสมอ ทานอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย และพักผ่อนนอนหลับให้เพียงพอ และหาวิธีขจัดความเครียดที่เกิดขึ้น เพราะความเครียดไม่มีผลดีต่อร่างกายของเราเลย
- ด้านสติปัญญา ด้านที่สอง ที่เราต้องหมั่นลับคมเลื่อยก็คือ ด้านสติปัญญาของเรานั่นเอง ซึ่งหมายถึงความรู้และทักษะต่างๆ ที่ทำให้เราเป็นคนที่เก่งขึ้น ดีขึ้นนั่นเอง วิธีการพัฒนาความรู้และทักษะมีอยู่หลายวิธีครับ ลองเลือกวิธีที่เหมาะกับตัวเองน่าจะดีที่สุดครับ ไม่ว่าจะเป็นการอ่านหนังสือเพื่อพัฒนาความรู้ต่าง ๆ ให้ทันสมัยอยู่เสมอ การเข้าหลักสูตรฝึกอบรมด้านต่าง ๆ เพื่อพัฒนาทักษะในการทำงานและการใช้ชีวิต การพิจารณากรณีศึกษาของคนอื่น ทั้งที่เป็นคนเก่ง และไม่เก่ง เพื่อที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ จากกรณีเหล่านี้
- ด้านจิตใจ ด้านที่สามที่เราต้องหมั่นลับคมเลื่อยก็คือ ด้านจิตใจ ก็คือการพัฒนาจิตใจของเราให้มีทัศนคติที่ดี มองโลกในแง่ดี เข้าใจผู้อื่น และสร้างความสงบให้กับจิตใจของเราบ้าง ไม่ว่าจะเป็นการอ่านหนังสือเพื่อสร้างพลังใจ และการนั่งสมาธิเพื่อทำให้จิตใจสงบ และสร้างพลังของจิตใจให้พร้อมที่จะต่อสู้ต่อไป
- ด้านความสัมพันธ์ ด้านที่สี่ที่เราต้องหมั่นลับคมเลื่อยก็คือด้านการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับบุคคลอื่นที่เรารู้จัก การที่เรารู้จักใครแล้ว เราไม่สานความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน โดยการพูดคุยกัน หรือติดต่อสื่อสารกัน นาน ๆ เข้า ความสัมพันธ์ที่ดีก็จะค่อย ๆ หายไป จนอาจจะกลายเป็นคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเลยก็ได้
ถ้าเราสามารถพัฒนาตนเองใน 4 แนวทางข้างต้นได้ทุกวัน เราก็จะสามารถเป็นคนที่ productive อยู่เสมอได้ แม้ว่าบางท่านอาจจะมองว่ามันยากเกินไปหรือเปล่า แต่ถ้าเราพิจารณากันให้ดี จะเห็นว่าใน 1 วันเราสามารถที่จะแบ่งเวลาในการทำทั้ง 4 ด้านได้ โดยที่เราไม่จำเป็นต้องมานั่งจัดระเบียบการใช้ชีวิตใหม่ทั้งหมด เช่น เวลาทำงาน เราก็พยายามเรียนรู้และคิดต่อยอดสิ่งใหม่ๆ ไปด้วย ก็จะได้ในเรื่องของความรู้สติปัญญาของตนเอง หรือเวลาที่เราขับรถกลับบ้านเราก็สามารถเปิด CD เพื่อที่จะเรียนรู้ภาษาต่างประเทศใหม่ ๆ ได้ หรือถ้าเหนื่อยมาก ก็เปิดเพลงฟัง เพื่อที่จะเป็นการพัฒนาทางด้านจิตใจได้เช่นกัน
ก่อนนอนหาหนังสือเบา ๆ ที่สร้างพลังใจในชีวิตสักเล่มไว้ข้าง ๆ หมอน อ่านวันละบทก็พอแล้ว อ่านแล้วก็ซึมซับมัน และนำมันไปใช้ในชีวิตประจำวันของเราให้ได้ เราก็จะได้พัฒนาจิตใจของตนเองแล้ว
การเดินขึ้นลงบันไดบ้าง การขยับตัวยกของบ้าง หรือแม้แต่การเดินไปยังสถานที่ต่าง ๆ โดยไม่ต้องใช้รถ ก็สามารถเป็นการออกกำลังกายได้เช่นกัน โดยไม่จำเป็นต้องไปสมัครเข้าฟิตเนสต่างๆ ให้เปลืองเงิน
อยู่บริษัท ทักทายหยอกล้อกับพนักงานบ้าง พูดคุยกัน ให้คำปรึกษาหารือ ถึงบ้านก็พูดคุยกับครอบครัว เล่นกับลูก คุยกับภรรยา หรือสามี เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดี
เห็นหรือไม่ครับว่า สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้มันสามารถเข้ามาแทรกในชีวิตประจำวันของเราได้เกือบทุกอย่าง ขอเพียงเรามีความมุ่งมั่นแน่วแน่ และต้องอาศัยการปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง (consistency) อดทน และยึดเป้าหมายที่เราต้องการไว้ให้มั่น
ที่มา : ประคัลภ์ ปัณฑพลังกูร