เคยไหม เวลาจะกินช็อกโกแลตอันโปรดที่ไร ต้องมีมารผจญ (ที่มีเจตนาดี) มากคอยบอกว่า “เดี๋ยวอ้วนนะ” ไม่ก็ “เดี๋ยวสิวขึ้นนะ” ทำให้เราหมดอารมณ์ จะกินอย่างมีความสุข สำหรับคุณหนูๆทั้งหลายก็อาจจะโดนขู่เอาบ่อยๆว่า “กินช็อกโกแลตมากๆ เดี๋ยวก็ฟันผุหรอก” เป็นอันว่าช็อกโกแลตกลายเป็นอาหารต้องห้าม ที่พอจะกินทีไรเป็นต้องรู้สึกผิดทุกครั้งอย่างกับทำเรื่องไม่ดีซะอย่างนั้น แต่ข่าวดีสำหรับคนรักช็อกโกแลตทั้งหลายได้มาถึงแล้วเพราะที่เมืองนอกเมืองนา เขาได้ทำการวิจัยกันหลายอย่าง ผลรวมๆก็ออกมาให้เราได้โล่งใจกันว่าช็อกโกแลตไม่ใช่ตัวการของอาการหรือสถาพทั้งหลายที่ว่ามาไม่ว่าจะเป็นความอ้วนสิวหรือฟันผุ
ว่ากันด้วยเรื่อง ความอ้วน ซึ่งสำหรับบางคน โดยเฉพาะสาวๆแล้ว ถือเป็นเรื่องใหญ่ในชีวิตก็ว่าได้ วันไหนกินมากหน่อย เป็นอันต้องชั่งน้ำหนักทุกชั่วโมง เผื่อโชคดี ตัวเลขบนหน้าปัดมันจะถ่อยหลังให้ตัวเบา ใจเบายิ่งถ้าช่วงนั้นตามใจปากได้กินช็อกโกแลตที่อยากมานานแต่ต้องอดใจไว้ ด้วยแล้ว จะเกิดอาการประสาทเสีย ตายละหว่า ฉันจะทำแผนลดน้ำหนักพังก็คราวนี้เอง
อันที่จริงแล้วช็อกโกแลตก็เหมือนกับอาหารทุกอย่างบนโลกนี้ กินมากเกินความต้องการของร่างกายเมื่อไหร่ ก็กลายเป็นไขมันสะสม ยิ่งไม่ออกกำลังกายด้วยแล้วสุดท้ายก็อ้วนตามระเบียบแต่ หากคุณรู้จักการวางแผนการกิน คำนวณแคลอรี่ของอาหารที่จะกินในแต่ละวัน แต่ละมื้อ โดยยึดหลักโภชนาการที่ถูกต้อง รวมทั้งใช้พลังงานมากๆ หรือออกกำลังกายสม่ำเสมอแล้วละก็ คุณก็จะสามารถรวมเอาช็อกโกแลตเข้าเป็นอาหารว่างประจำวันได้ บางคนอาจเลือกที่จะกินช็อกโกแลตทุกวันอย่างที่ใจปรารถนา แต่ยอมลดปริมาณจำพวกไขมันลง หลักการง่ายๆ แบบนี้ทำให้แม้แต่คนที่กำลังลดความอ้วนก็สามารถกินช็อกโกแลตที่ชอบได้ไม่ต้องยอมกัดฟันหันหลังได้ทานของโปรด แถมการได้กินช็อกโกแลตน้อยๆ เป็นบางครั้งในระหว่างการลดน้ำหนักยังช่วยให้เราไม่เกิดอาการสวาปามแบบไม่ยั้งเมื่อมีโอกาสได้กินหลังจากอดอยากปากแห้งช็อกโกแลตมานานอีกด้วย เพียงเท่านี้การลดน้ำหนักก็ง่ายขึ้นอีกเยอะเพราะเราไม่ต้องบอกลาช็อกโกแลต ของโปรดที่กินเมื่อไหร่ก็รู้สึกดีเมื่อนั้น
ส่วนเรื่องสิวที่สาวเจ้า หรือหนุ่มน้อยโดยเฉพาะในช่วงวัยรุ่นกังวลกันนักหนานั้น ช็อกโกแลตก็ถูกกล่าวหาว่าเป็นตัวการสำคัญ ทั้งที่จริงๆแล้ว ช็อกโกแลตทั้งไม่ได้ทำให้เกิดสิวและไม่ได้ทำให้สิวที่เป็นอยู่แล้วเลวร้ายลง สิ่งที่พึ่งระลึกก็คือ สิวเกิดจากการที่ต่อมไขมันในผิวหนังผลิตน้ำมันออกมามากเกินไป และอาหารการกินก็ไม่ใช่สาเหตุสำคัญของการเกิดสิวอีกด้วยดังนั้นการกินหรือไม่กินช็อกโกแลตจึงไม่ได้ทำให้เกิดสิวมากขึ้นแต่อย่าใด
แล้ว ก็เรื่องของฟันผุ ไม่ว่าอาหารอะไรที่มีคาร์โบไฮเดรตโดยเฉพาะพวกแป้งกับน้ำตาลสามารถทำให้ฟันผุ ได้ทั้งนี้น ถ้ากินบ่อยๆและปล่อยให้มันอยู่ในปากเรานานๆถึงแม้ช็อกโกแลตเองมีน้ำตาลเป็น ส่วนผสมแต่ก็ไม่ทำให้เกิดฟันผุได้ง่ายกว่าน้ำตาลจากอาหารชนิดอื่นตราบใดที่ เรารักษาสุขภาพอนามัยของฟัน ด้วยการบ้วนปากหรือแปรงฟันหลังจากการกินอาหาร หรือจะเคี้ยวหมากฝรั่งประเภทไม่มีน้ำตาลก็ยังช่วยได้ แล้วก็อย่าลืมไปหาหมอฟันทุก6เดือนด้วยหละ จะได้มีฟันแข็งแรงไว้กินของอร่อยๆอย่างช็อกโกแลตกันนานนาน
มีการวิจัยเกี่ยวกับช็อกโกแลต การวิจัยนี้ทดสอบโดยอาสาสมัครที่มีสุขภาพดีโดยมีชาย 7 คนหญิง 8 คน และแบ่งเป็นกลุ่ม กลุ่มที่ 1 กิน dark chocolate วันละ 100 กรัม อีกกลุ่มหนึ่งกิน white chocolate 90 กรัม ทุกวันเป็นเวลา 15 วัน
ผลที่ได้คือกลุ่มที่กิน dark chocolate ทุกคนมีความดันโลหิตลดลง และมีความไวต่ออินซูลินซึ่งเป็นตัวสำคัญในการเผาผลาญน้ำตาลมากขึ้น ส่วนกลุ่มที่กิน white chocolate ความดันโลหิตไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
เนื่องจากว่า dark chocolate มีระดับฟลาโวนอยด์ ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระมาก ซึ่งเป็นสารเสริมสร้างสุขภาพของหัวใจ ช่วยให้โลหิตไหลเวียนดีขึ้น และยังช่วยลดอาการอุดตันของหลอดเลือดอีกด้วย ส่วน white chocolate ถูกตั้งข้อสันนิษฐานว่า นมอาจเป็นตัวที่ขัดขวางการดูดซับฟลาโวนอยด์ นอกจากนี้ในงานวิจัยยังระบุอีกด้วยว่าควรกิน dark chocolate ในปริมาณเทียบเคียงกับระดับแคลอรี่ที่เราทานในแต่ละวัน โดยที่ dark chocolate 100 กรัมให้พลังงาน 500 แคลอรี่ค่ะ ง่ายๆ ก็ทาน dark chocolate วันละ 100 กรัมก็ได้
เคล็ดลับของสูตร “Chocolate Diet” อยู่ที่คาเฟอีนในช็อกโกแลต ซึ่งสามารถกระตุ้นระบบเผาผลาญของร่างกายได้ โดยเราต้องกินช็อคโกแลตแท้แบบไม่มีน้ำตาล หรือแบบที่มีน้ำตาลไม่เกินร้อยละ 40 ซึ่งจะช่วยเพิ่มการเผาผลาญพลังงานของร่างกายในมื้อนั้นขึ้นอีกร้อยละ 15 และในระหว่างวันนั้นก็กินช็อคโกแลตแบบที่มีน้ำตาลต่ำ ๆ เท่านั้นสักชิ้นสองชิ้นก็จะทำให้ความอยากกินของหวานน้อยลงด้วย แต่ต้องเป็นชิ้นเล็กๆไม่ใช่ชิ้นใหญ่เกินไป
สูตรการลดน้ำหนักที่ดีที่สุดของแต่ละคนคือ สูตรผสม เอาทุกสูตรที่ดีที่เหมาะกับชีวิตประจำวันของเรามาปรับใช้ ไม่ลำบาก ไม่ฝืนเกินไปนั่นแหละดีที่สุด สูตร “Chocolate Diet” ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่สามารถช่วยได้เหมือนกัน รู้แบบนี้แล้วไปหาซื้อ dark chocolate มากินกันเป็นครั้งคราวก็ดีเหมือนกันนะ